เสริมหน้าอกกับโฟลว์คลินิก
สาวๆหลายๆคนอาจพบปัญหาหน้าอกหน้าใจ หย่อนคล้อยหลังมีลูก ใส่เสื้อผ้าแล้วไม่สวย ขาดความมั่นใจ แก้ได้ไม่ยากด้วยการศัลยกรรมหน้าอก หรือ ที่เราคุ้นเคยกันดี คือ เสริมหน้าอกนั่นเองค่ะ แต่พอพูดถึงการเสริมหน้าอกแล้วหลายๆคนก็ยังมีความกังวลใจไม่น้อยและก็คงมีคำถามติดหูอยู่เสมอว่า เจ็บมากมั้ย ดูแลตัวเองยากมั้ย เหมือนโดนรถทับจริงหรือเปล่า วันนี้ โฟลว์คลินิก จะมาบอกถึงวิธีการทำหน้าอกในแต่ละแบบให้อ่านกันนะคะ
เทคนิคการผ่าตัด
เทคนิคการผ่าตัดจะมีด้วยกัน 2 วิธีค่ะ คือ เทคนิคดมยาสลบ และเทคนิคยาชา 2 เทคนิคนี้แตกต่างกันตรงที่ การวางยาสลบนั้นผู้ที่เสริมหน้าอกจะหลับและไม่รู้สึกตัวขณะที่แพทย์กำลังผ่าตัดอยู่ ส่วนเทคนิคยาชาผู้ที่เสริมหน้าอกจะยังคงรู้สึกตัวบ้างเล็กน้อย สามารถโต้ตอบได้ในบางท่าน ซึ่งข้อดีข้อเสียของสองวิธีนี้ก็แตกต่างกันไปค่ะ ข้อดีของเทคนิคยาสลบคือ ผู้เสริมหน้าอกก็ไม่ต้องมีความกังวลระหว่างการผ่าตัด แต่ก็เป็นวิธีที่ค่อนข้างมีความเสี่ยง เพราะในการวางยาสลบนั้นต้องอาศัยแพทย์ผู้มีความรูัเฉพาะ ในด้านวิสัญญีแพทย์เป็นผู้วางยาให้ และคอยดูแลตลอดระยะเวลาการผ่าตัดเพื่อให้แน่ใจว่าให้ยาเหมาะสมอยู่ในระดับที่พอดีค่ะ ส่วนเทคนิคยาชาจริงอยู่ค่ะที่ผู้เสริมหน้าอกอาจมีการรู้สึกตัวบ้างเล็กน้อยแต่ในเรื่องของความเจ็บนั้นไม่มีเลยค่ะ และยังสามารถคุยโต้ตอบกับคุณหมอได้ เพื่อคุณหมอได้สอบถามอาการระหว่างการผ่าตัดหลังจากผ่าตัดแล้วก็จะฟื้นตัวเร็วกว่าการวางยาสลบด้วยค่ะ
แผลผ่าตัด
แผลผ่าตัด แบ่งออกเป็น 3 วิธีหลักๆ ค่ะ
วิธีที่ 1 แผลบริเวณรักแร้ วิธีนี้สามารถเก็บรอยแผลให้เป็นเหมือนรอยพับบริเวณรักแร้ได้ซึ่งก็จะดูกลืนไปกับรอยค่ะ แต่ข้อเสียคือ ถ้าเกิดเป็นแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์ ก็จะสามารถเห็นได้ชัดกว่าแผลบริเวณอื่น และอาจมีความเจ็บหลังทำมากกว่าเนื่องจากใกล้กับบริเวณกล้ามเนื้อแขนค่ะ
วิธีที่ 2 แผลบริเวณใต้ราวนม วิธีนี้หากเกิดแผลเป็นนูนขึ้นมาแผลจะมองเห็นไม่ชัดมากเนื่องจากหน้าอกของเราจะปิดทับพอดีค่ะ แต่ถ้านอนราบก็มีโอกาสในการมองเห็นแผลได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากเป็นวิธีที่ผ่าตัดได้ง่าย สะดวกกับคุณหมอในการจัดทรงให้เหมาะสมค่ะ
วิธีที่ 3 แผลบริเวณปานนม เป็นการผ่าตัดที่สามารถซ่อนแผลได้ดีที่สุด แต่ก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง อาทิ ปานนมต้องมีขนาดกว้างพอ และขนาดของซิลิโคนต้องไม่ใหญ่มากนัก และในบางรายอาจจะมีอาการหัวนมชาหลังการผ่าตัดได้ค่ะ
รูปแบบการเสริมหน้าอก
รูปแบบการเสริมหน้าอกนั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทค่ะ ได้แก่ เสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ และเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ
วิธีที่ 1 การเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ง่ายในการผ่าตัด มีความเจ็บน้อยกว่า ฟื้นตัวเร็วกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่แล้ว เพราะการเสริมเหนือกล้ามเนื้อจะมีเพียงชั้นผิวหนัง และไขมันเท่านั้นที่คั่นตรงกลางระหว่างซิลิโคน หากผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อยเมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกถึงซิลิโคนได้ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้แล้วการเสริมเหนือกล้ามเนื้ออาจมีปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยได้ในอนาคต เนื่องจากไม่มีชั้นกล้ามเนื้อเป็นตัวช่วยในการพยุง หรือ ห่อหุ้มน้ำหนักของซิลิโคนไว้
วิธีที่ 2 การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ วิธีนี้หน้าอกจะดูเป็นทรงธรรมชาติมากกว่า มีโอกาสการเกิดพังผืดรัดซิลิโคนน้อยกว่า รวมถึงผิวสัมผัสจะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าเนื่องจากมีชั้นกล้ามเนื้อคอยปกคลุม หรือ ห่อหุ้มซิลิโคนไว้ นอกจากนี้โอกาสในการหย่อนคล้อยในอนาคตย่อมมีน้อยกว่าด้วยเช่นกัน แต่ข้อเสียของวิธีการเสริมใต้กล้ามเนื้อคือ การผ่าตัดค่อนข้างยาก ต้องอาศัยความรู้ และความชำนาญของแพทย์ รวมถึงระยะการพักฟื้นจะนานกว่าการผ่าตัดแบบเหนือกล้ามเนื้อ
สายเดรน
สายเดรน คือ เครื่องมือในการช่วยระบายเลือด หรือ น้ำเหลือง ที่ตกค้างอยู่ภายในหลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าอก หลังจากการผ่าตัดเสร็จก่อนปิดแผลแพทย์จะใส่สายเดรนให้กับคนไข้เพื่อระบายน้ำเหลืองที่มีอยู่ในตัวคนไข้ออกมา ข้อดีคือช่วยให้แผลหายเร็วเนื่องจากสามารถระบายเลือดออกมาได้ในกรณีที่มีเลือดค้างอยู่ แต่ข้อเสียคือ หากดูแลรักษาความสะอาดได้ไม่ดีอาจมีการติดเชื้อที่บริเวณแผลที่เปิดอยู่ได้ ซึ่งหากใส่สายเดรนแล้วจึงควรรีบนำออกภายใน 3-4 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าว แต่ทั้งนี้โดยปกติแล้วร่างกายของมนุษย์จะสามารถดูดซึมเลือด หรือ น้ำเหลือง กลับได้เองตามธรรมชาติ ดังนั้นหากการผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาการใส่สายเดรนจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำ รวมถึงเทคนิค และเทคโนโลยีในปัจจุบันการเสริมหน้าอกได้มีการพัฒนามากยิ่งขึ้นดังนั้นการใส่สายเดรนเองก็อาจไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสมอไปในการผ่าตัดเสริมหน้าอก
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
การผ่าตัดเสริมหน้าอกเรียกได้ว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ดังนั้นผู้ที่จะเข้ารับการผ่าตัดต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการผ่าตัดด้วยนะคะ นั่นก็คือ
ต้องหยุดทาน ยา วิตามิน หรือ อาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มยาประเภท แอสไพริน วาร์ฟาริน ยาในกลุ่มยาแก้ปวด วิตามินซี วิตามินอี น้ำมันตับปลา เป็นต้น รวมถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ด้วยนะคะ ซึ่งควรหยุด หรือ งดทานประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัดค่ะ
นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอก่อนการผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์ ข้อนี้นอกจากจะช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่นแล้ว ยังสามารถช่วยให้ร่างกายของเราฟื้นตัวได้เร็วหลังการผ่าตัดด้วยนะคะ
การพักฟื้นหลังผ่าตัด
หลังจากเข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว การพักฟื้นก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราควรปฏิบัติให้ถูกต้องเพื่อให้แผลของเราหายเร็ว และไม่เป็นแผลเป็นด้วยนะคะ ซึ่งมีวิธีการง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
งดทานของหมักดอง อาหารดิบ อาหารทะเล เพราะอาจส่งผลให้แผลอักเสบ หรือ ติดเชื้อจากแบคทีเรียที่ปะปนมาจากอาหารได้ค่ะ
งดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลคล้ำขึ้น และทำให้แผลสมานตัวช้าค่ะ
ไม่ควรนอนราบ แต่ควรนอนในลักษณะ 45 องศา เพื่อให้สะดวกต่อการลุก และหลีกเลี่ยงในการใช้แรงแขนเพื่อพยุงตัวขึ้นค่ะ
หลีกเลี่ยงการใช้แรงแขนมากเกินไป อาทิเช่น การยกของหนัก, ขับรถ, ออกกำลังกาย เป็นต้น และไม่ควรยกแขนขึ้นสูงกว่าหัวไหล่ เพื่อป้องกันรอยแผลปริ ฉีกค่ะ
ทำความสะอาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อ (เบตาดีน) ด้วยก้านสำลี หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับน้ำจนกว่าจะมีการตัดไหม เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากความชื้น
หลังจากตัดไหมควรใส่เสื้อกระชับทรวงอกเพื่อให้หน้าอกเข้ารูป เป็นทรง อย่างน้อย 3-6 เดือน
เข้ารับการติดตามผลตามระยะเวลาที่กำหนด
มาถึงตรงนี้หลายๆคนยังคงมีคำถามใช่มั้ยคะว่า ต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่ถึงกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ แล้วแผลหลังทำจะเจ็บมากมั้ย ในเรื่องของการพักฟื้น 3 วันแรกหลังผ่าตัดจะเป็นวันที่แผลยังคงมีความระบมจากการผ่าตัดอยู่ ดังนั้น 3 วันแรกจึงมีความสำคัญในการพักฟื้น ไม่ควรใช้แรงแขนหนัก หรือเดินเยอะๆ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็ว หลังจาก 3 วันแล้ว อาการระบมจะดีขึ้น ความปวดแทบจะไม่มีแล้วค่ะ ซึ่งหลังจาก 3 วัน เราสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้บ้างแล้ว แต่ยังคงหลีกเลี่ยงจากการใช้แรงแขนเยอะๆ พอครบ 14 วันตัดไหม แผลด้านนอกแทบจะหายเป็นปกติทั้งหมดแล้ว ตรงนี้เองเราก็สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วค่ะ แต่แผลด้านในยังคงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูอีกประมาณ 2 เดือน ถ้าให้ดีระหว่าง 1-3 เดือนแรก ก็ควรเว้นจากการยกของหนักๆ เพื่อให้แผลสามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ
อ่านแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ พอคลายความกังวลไปบ้างมั้ย นอกจากการเตรียมพร้อม และการดูแลตัวเองแล้ว แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเองก็มีส่วนสำคัญในการทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น และปลอดภัยด้วยนะคะ โฟลว์ คลินิก ยืนหนึ่งเรื่องการเสริมหน้าอกด้วยเทคนิคใต้กล้ามเนื้อ แบบไม่มีสายเดรน พร้อมด้วยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 10,000 เคส อาทิเช่น นพ.ประยุกต์ ป้องศรี, พญ.นิลเนตร จันทรวงษ์ และนพ.ชานนท์ โลหิตรัตนะ พร้อมยินดีให้คำปรึกษา และตอบทุกข้อสงสัย ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
สนใจติดต่อ Line: @flowclinic หรือ โทร 0825522893 ได้ทุกวัน เวลา 09:30 - 18:30 น. ได้เลยนะคะ
โฟลว์ คลินิก “Let’s get flow: คนจะสวยสะดุดไม่ได้”